แช่ออนเซ็นผ่อนคลาย พร้อมทานอาหารไคเซกิแบบชิวๆ

คราวที่แล้วติ๊กพามาสักการะขอพรกันที่ศาลเจ้ามิตสึมิเนะ (Mitsumine Shrine) แต่เรายังไม่ได้ไปขอพลังจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์กัน วันนี้ติ๊กจะพาไปขอพลังกัน ตามติ๊กมานะค่ะ

 

เราจะมาขอพลังศักดิ์สิทธิ์กันที่ต้นสนซีดาน ที่หน้าศาลเจ้าหลัก ต้นสนนี้มีอายุกว่า 800 ปี มาแล้วค่ะ ตามติ๊กมารับพลังจากต้นสนซีดานคู่นี้เลยค่ะ

 

วิธีการขอพลัง จะทำได้ 2 แบบค่ะ คือ ถ้าใครซื้อเครื่องรางมา จะนำเครื่องรางไปแปะกับต้นสน เพื่อขอพรขอพลังมาสู่ตัวเองได้ด้วยค่ะ

 

หรือว่าใครไม่ได้ซื้อเครื่องรางก็นำเหรียญมาหยอดที่ตู้ แล้วเข้าไปขอพลังค่ะ

 

โดยเราจะหายใจลึกๆ 3 ครั้ง มือแตะต้นสน แล้วก็ขอพรค่ะ

 

เราขอพรจากต้นสนแล้ว เดี๋ยวติ๊กจะพาไปที่ต้นสนคู่รักกันบ้างค่ะ ชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่าขอพรจากต้นสนคู่นี้แล้วจะสมหวังในเรื่องความรัก ไปขอพรด้วยกันเลยค่ะ

 

สนคู่รักนี้มีชื่อว่า เอมูซูบิโดกิ

 

ใครที่มาคนเดียวก็สามารถขอพรได้คือ โดยการนำเงินหยอดที่ตู้ แล้วตั้งจิตขอพรจากต้นสน

 

หรือถ้าใครมาเป็นคู่ อยากเป็นคู่แท้ รักกันชั่วนิรันดร์ จะเขียนชื่อทั้งผู้ชายและผู้หญิงลงในแผ่นกระดาษ ที่แยกสีไว้สำหรับผู้หญิงและผู้ชาย

 

จากนั้นนำกระดาษทั้ง 2 แผ่น ม้วนเป็นเกลียวให้เป็นหนึ่งเดียวกัน แล้วนำกระดาษที่ม้วนเสร็จแล้วใส่ลงตู้ เป็นการขอพรให้รักชั่วนิรันดร์ค่ะ

 

ขอพรความรักกันแล้ว เราลงไปที่หน้าศาลเจ้ามีร้านอาหาร เดี๋ยวติ๊กจะพาไปทานอาหารกัน เป็นเมนู วาราจิ คัตสึด้ง หรือข้าวหน้าหมูทอดค่ะ แต่ข้าวหน้าหมูทอดของที่นี่จะมีความแตกต่างจากร้านอื่น จะแตกต่างยังไงตามติ๊กไปชิมกันค่ะ

 

วาราจิ คัตสึด้ง (Waraji Katsudon) หน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ น่าทานมากๆ  คำว่า วาราจิ (Waraji) คือ รองเท้าฟางของญี่ปุ่น ดังนั้นเค้าจึงนำเนื้อหมูมาสไลด์เป็นแผ่นบางๆ แล้วนำไปทอดให้กรอบ และการทาน วาราจิ คัตสึด้ง จะไม่มีน้ำซอสมาราด จะทานกับข้าวเลยค่ะ นี่คือความแตกต่างจากร้านอื่นๆ  

 

ในเซ็ท วาราจิ คัตสึด้ง จะประกอบไปด้วยผักดอง บุกทาด้วยมิโซะ และน้ำซุป อาหารมาครบแล้ว เรามาชิมกันเลยค่ะ

 

หมูทอดกรุบกรอบ แป้งคลุกเคล้าด้วยซอส แล้วนำมาทอด จึงทำให้มีรสชาติ โดยไม่ต้องจิ้มซอสเลยค่ะ กรุบกรอบ เนื้อหมูนิ่ม หอมอร่อย ได้รสชาติของความอร่อยที่แตกต่างจากหมูทอดแบบหนาค่ะ

 

เดี๋ยวทานกันเสร็จแล้วติ๊กจะพาไปแช่ออนเซ็นกันต่อค่ะ เราจะไปกันที่ ยัตสึกาว่า ออนเซ็น เพื่อเรียกเหงื่อผ่อนคลายหลังจากที่ทานอาหารกันอิ่มแล้ว

ถึงแล้วค่ะ ยัตสึกาว่า ออนเซ็น (Yatsugawa Onsen) เป็นเรียวกัง ที่มีบ่อแช่ออนเซ็น ออนเซ็นนี้อยู่บนภูเขา เดี๋ยวเราไปดูกันนะค่ะว่า เค้าจัดบ่อออนเซ็นไว้สวยงามขนาดไหน จะน่าแช่หรือเปล่า ตามติ๊กมาเลยค่ะ

 

เป็นเรียวกังที่น่าพักผ่อนมากๆ อีกหนึ่งเรียวกังที่แนะนำให้มาพักเลยละค่ะ ที่นี่จะมีออนเซ็นแบบแช่ทั้งตัว และแบบแช่เท้าด้วย

 

วันนี้ติ๊กจะพามาแช่เท้า เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยจากการเดินเที่ยวของเราค่ะ แหม่ได้แช่เท้า พร้อมนั่งชมธรรมชาติ บรรยากาศลมเย็นๆ ช่างมีความสุขจริงๆ เลยละค่ะ ในบ่อแช่เท้านี้เค้าจะมีหินก้อนเล็กๆ วางไว้ที่พื้น ให้เราเดินนวดเพื่อการผ่อนคลายด้วย ช่างสบายและหายเมื่อยจริงๆ ค่ะ

 

แช่เท้าคลายความเมื่อยกันแล้ว เดี๋ยวติ๊กจะพาไปที่บ่อแช่ออนเซ็นของที่นี้กันต่อ ในห้องนี้จะมีบ่อแช่ออนเซ็น แบบ In Door และ Out Door ถ้าแช่แบบ Out Door  เราจะได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์ท่ามกลางป่าเขา ต้นไม้ และได้ยินเสียงธารน้ำไหลด้วย ทำให้เราได้เข้าถึงบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด เวลาแช่จึงทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย มากๆ เลยล่ะค่ะ

 

ใครชอบพักแบบธรรมชาติก็พักที่เรียวกัง ยัตสึกาว่า แห่งนี้ได้เลยค่ะ แต่ถ้าใครขอบแนวแอนทิคหน่อย เดี๋ยวติ๊กจะพาไปอีกเรียวกังหนึ่ง เป็นเรียวกังที่น่าพักผ่อนอีกที่เลยละค่ะ

เรียวกัง มิยาโมโตะ (Miyamato) เป็นเรียวกังย้อนยุคในสมัยเอโดะ เราเข้าไปดูด้านในเรียวกังแห่งนี้กันเลยค่ะ ว่าจะน่าพักขนาดไหน ตามติ๊กมาเลยค่ะ

 

เข้ามาด้านในเรียวกัง จะเจอสวนเล็กๆ สไตล์ญี่ปุ่น และที่เรียวกังแห่งนี้ จะมีมุมที่นักเขียนชื่อดังมาพักด้วยค่ะ เป็นนักเขียนบท The ring ภาคแรก  มาพักที่เรียวกังนี้ และทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการเขียนบท สร้างสรรค์ผลงานออกมา ซึ่งหนึ่งในไฮไลท์ของหนังก็คือ บ่อน้ำแห่งนี้ล่ะค่ะ ที่มีผีโผล่ออกมาจากบ่อน้ำ

 

พูดแล้วก็อยากพักแล้วค่ะ เข้าไปดูบรรยากาสด้านในกันดีกว่าค่ะ เจ้าของเรียวกัง มิยาโมโตะ เป็นอดีตนักซูโม่ วันนี้ออกมาต้อนรับติ๊กด้วยตัวเองเลยค่ะ คุณมิยาโมโตะ เจ้าของเรียวกัง เรียวกังที่นี่น่าพักผ่อนมากๆ ค่ะ

 

ภายในห้องพักมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทีวี ตู้เย็น เก้าอี้นวด และยังมีบ่อแช่ออนเซ็นส่วนตัวด้วยค่ะ หรือจะเลือกพักแบ[ห้องเล็ก แล้วใช้ออนเซ็นรวมก็ได้เช่นกันค่ะ มีหลายห้องให้เลือกค่ะ เลือกกันตามใจชอบได้เลยค่ะ ใครอยากพักแบบไหนก็เลือกกันเลยค่ะ

 

ใกล้ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว เดี๋ยวติ๊กไปเปลี่ยนชุดยูกาตะ เพื่อลงไปทานอาหารเย็นก่อนนะค่ะ วันนี้เราจะทานอาหารไคเซิกิ กันค่ะ ทุกเรียวกังจะมีอาหารไคเซกิไว้คอยต้อนรับ ราคาห้องจะรวมอาหารเช้า และอาหารด้วยค่ะ

เรามาดูอาหารไคเซกิ ของเราในวันนี้กันค่ะ ว่าจะมีอะไรบ้าง หม้อนี้เลยค่ะ ซุปนาเบะหม้อร้อน นาเบะเป็นอาหารของซูโม่ เนื่องจากที่นี่เจ้าของเป็นอดีตนักซูโม่ จึงมีซุปนาเบะ ให้ลิ้มลองกันค่ะ

 

ตามด้วยปลาเทรา ไก่ย่าง บุก อาหารทอด ซาซิมิ ผักดอง เซ็ทอาหารเรียกน้ำย่อย สลัด ไข่ตุ๋น ข้าว และขนมหวานค่ะ

 

ช่วงที่ติ๊กมานี่เป็นช่วงซากุระบาน จึงมีดอกซากุระมาประดับที่จานอาหารด้วยค่ะ สวยงามทำให้อาหารยิ่งน่าทานมากๆ เลยค่ะ

 

อาหารในวันนี้ของติ๊กน่าทานมากเลยใช่ไหมค่ะ เรามาชิมกันเลยค่ะ ติ๊กเริ่มชิมที่เซ็ทเรียกน้ำย่อยก่อนเลยค่ะ เป็นคล้ายๆ ลูกชิ้นกุ้ง คลุกเคล้าด้วยเห็ดแล้วนำไปทอดกรอบ หอมอร่อยค่ะ เป็นเซ็ทเรียกน้ำย่อยที่น่าทานอีกเซ็ทเลยค่ะ

 

 ซาซิมิ เนื้อปลานุ่ม และสดมากๆ ค่ะ

  

เรามาลองซุปนาเบะบ้าง เป็นอาหารคล้ายๆ สุกี้ นำเนื้อสัตว์ ผัก ทุกอย่างมารวมกัน เป็นอาหารที่ให้พลังงานกับนักซูโม่ แหม่ !ถ้ามีน้ำจิ้มสุกี้นี้เด็ดสุดๆ ไปเลยค่ะ

 

มาชิมปลาเทราย่างเกลือกันบ้าง ปลาเทราของที่นี่ย่างด้วยถ่านธรรมชาติมีกลิ่นหอมของถ่าน เกล็ดเกลือติดอยู่บนหนังปลา มีรสเค็มนิดๆ เนื้อปลาสด อร่อยมากค่ะ

 

เดี๋ยวติ๊กทานอาหารมื้อนี้เสร็จแล้ว จะไปแช่ออนเซ็นเพื่อเรียกเหงื่อกันหน่อยค่ะ เพราะทานเยอะมากๆ เดี๋ยวตามติ๊กไปแช่ออนเซ็นกันนะค่ะ

ระหว่างทางเดินไปออนเซ็น เรามาแวะที่ห้องรับรองกันนิดค่ะ ห้องรับรองนี้ มีบรรยากาศของเรียวกังเล็กๆ สามารถสั่งเครื่องดื่มมาทานได้ด้วย ส่วนด้านบนของห้องรับรองนี้ จะมีพิพิธภัณฑ์เล็กๆ ที่เก็บเรื่องราว ของคุณมิยาโมโตะ เมื่อสมัยเป็นนักซูโม่ และมีของต่างๆ เกี่ยวกับซูโม่ไว้ให้ได้ดูด้วย และยังมีบทนิยายเรื่องเดอะริง ด้วยค่ะ

 

ห้องออนเซ็นของที่นี่ จะใช้ระบบการทำความร้อน โดยเตาจะอยู่ด้านล่าง และใช้น้ำจากบ่ออนเซ็นธรรมชาติ มาใส่ไว้อ่าง เพราะที่นี่จะไม่มีบ่อออนเซ็นธรรมชาติ จึงมีการนำน้ำออนเซ็นมาใส่ไว้ เดี๋ยวติ๊กขอไปแช่ออนเซ็นก่อนนะค่ะ

 

คราวหน้าติ๊กจะยังพาเที่ยวกันต่อที่ จ.ไซตะมะ กันต่อ แต่จะพาไปเที่ยวที่ไหนกันบ้าง อย่าลืมติดตามกันนะค่ะ