ตะลุยจังหวัดคากาว่า (Kagawa) ไปกับติ๊ก

วันนี้ติ๊กยังจะพาไปท่องเที่ยวบนเกาะชิโกกุ กันต่อค่ะ ในภูมิภาคตะวันตกของญี่ปุ่น ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง รอให้เราไปท่องเที่ยวกันค่ะ

ติ๊กเลยจะพามาท่องเที่ยว ที่ จังหวัดคากาว่า (Kagawa) ซึ่งที่ จ.คานากาว่า นี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายที่ วันนี้ติ๊กจะพาไปเที่ยวที่ไหนกันบ้าง ตามติ๊กมาเลยค่ะ

โดยในวันนี้ติ๊กจะพาขึ้นเรือเฟอรี่จากท่าเรือ ทาคามาซึ (Takamatsu Port) มุ่งหน้าไปยังท่าเรือ โทโนโช (Tonosho Port) ซึ่งอยู่บนเกาะโชโดะ (Shodoshima) ใช้เวลานั่งเรือประมาณ 1 ช.ม.

เราสามารถนั่งเรือเฟอรรี่ข้ามไปที่เกาะโชโดะ ได้ด้วยตั๋วใบนี้ค่ะ ตั๋วเซโตะอุจิ (Setouchi) หรือ JR West Rail Passเหมาจ่าย 5 วัน เที่ยวได้สุดคุ้ม ไม่ว่าจะขึ้นรถไฟ รสบัส หรือลงเรือ ก็แสนสะดวกสบาย พกตั๋วเซโตะอุจิใบเดียวคุ้มสุดๆ เลยค่ะ เที่ยวได้ทั้งเกาะชิโกกุ ไม่ว่าจะเป็น จ.ฮิโรชิมา (Hiroshima) จ.โอคายาม่า (Okayama) จ.เอฮิเมะ (Ehime) และ จ.คากาว่า (Kagawa)ขึ้นรถโดยสารต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบายมากๆ เลยค่ะ

 

เกาะโชโดะ (Shodoshima) เป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของทะเลเซโตะไน (Seto Inland Sea) อยู่ใน จ.คากาว่า (Kagawa) บนเกาะโชโดะ มีโชยุที่อร่อยและมีชื่อเสียง และยังมีสวนมะกอก (Olive Park) ที่ขึ้นชื่ออีกด้วย ในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี จะมีใบไม้ที่มีสีสีนสวยงามอยู่เต็มเกาะเลยค่ะ

   

ขึ้นมาบนเกาะโชโดะ ติ๊กจะพามาเที่ยวชมโรงงานโชยุ ชื่อดังของเกาะแห่งนี้กันค่ะ โรงงานเคนเรียว (Kinryo Soy Sause Museum) โรงงานแห่งนี้เปิดมากว่า 136 ปีแล้วค่ะ โรงงานเปิดมายาวนานขนาดนี้ โชยุของที่นี่ต้องอร่อยมากๆ แน่นอนค่ะ  แค่ยืนอยู่หน้าโรงงานก็ได้กลิ่นหอมของโชยุลอยมาแตะจมูกเลยทีเดียว เราเข้าไปดูขบวนการผลิตด้านในโรงงานกันดีกว่าค่ะ

 

เมื่อเข้ามาในโรงงานก็จะเห็นถังหมัก เป็นถังไม้ใบใหญ่มากๆ ลึก 2 เมตร วางอยู่หลายถัง เนื่องจากโรงงานได้เพิ่มฐานการผลิตมากขึ้นจึงมีถังวางอยู่หลายใบ แค่เห็นถังวางอยู่เยอะขนาดนี้แล้ว อยากเข้าไปดูห้องหมักแล้วล่ะคะ ว่าเค้าจะมีวิธีการหมักโชยุอย่างไร ตามติ๊กเข้าไปดูในห้องหมักกันเลยค่ะ

ในห้องหมักห้องนี้ จะมีวิธีการหมักแบบดั้งเดิม โดยจะใช้คนงาน มาคนส่วนผสมทั้งหมด ในถังหมักจะมีถั่วเหลือง แป้งสาลี เกลือ น้ำ และหัวเชื้อหมัก ส่วนผสมทั้งหมดนี้เข้าด้วยกัน ใช้เวลาในการหมัก 2 – 3 ปี

 

โรงงานแห่งนี้ จะใช้การหมักแบบดั้งเดิมนี้ เพียงแค่ 1% เท่านั้นและจะเปิดให้คนมาเที่ยวชมและเรียนรู้การผลิตแบบดั้งเดิมนี้ด้วย ส่วนอีก 99% จะใช้เครื่องจักรในการผลิตค่ะ

เมื่อหมักได้ที่เป็นเวลา 2 – 3 ปี แล้วจะนำส่วนผสมที่ได้ทั้งหมดมาใส่ถังที่วางไว้ด้านบน เพื่อทำการเข้าเครื่องแยกกากแยกน้ำออกจากกัน เมื่อเข้าเครื่องแยกน้ำเสร็จเรียบร้อย จากนั้นจะนำน้ำโชยุที่ได้ มาต้มด้วยความร้อน 85 องศาเซลเซียล เมื่อต้มเสร็จเรียบร้อยจะนำโชยุมากรองอีกครั้งแล้วทำการบรรจุลงขวด เป็นอันเสร็จสิ้นขบวนการการผลิตที่สมบูรณ์ พร้อมนำออกจำหน่าย

เมื่อโรงงานผลิตโชยุเสร็จเรียบร้อย จะทำการส่งไปขายทั่วประเทศญี่ปุ่น และจะนำโชยุมาวางขายที่ร้านค้าของโรงงานด้วยค่ะ ภายในร้านค้าของโรงงาน จะมีโชยุวางขายอยู่ และจะมีแบ่งให้ชิมก่อนซื้อกลับบ้านกันด้วยค่ะ

เราเที่ยวชมโรงงานโชยุที่มีชื่อเสียง และซื้อโชยุกลับบ้านกันแล้ว เดี๋ยวติ๊กจะพาไปชมสวนมะกอก ที่มีชื่อสียงของเกาะนี้กันต่อเลยค่ะ

สวนมะกอก (ShodoshimaOlive Park) สวนแห่งนี้จะมีกลิ่นอายของความเป็นเมดิเตอร์เรเนียนผสมกับกรีกหน่อยๆ มีเสาโรมัน และมีกังหันลมแบบกรีก (Greece windmill) ภายในสวนแห่งนี้ จะมีกังหันลมที่ตั้งโดดเด่นแป็นเอกลักษณ์ของสวน ถ้าใครมาถึงสวนแห่งนี้ ต้องตรงมาถ่ายรูปกับกังหันลมอันนี้ก่อนค่ะ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าเรามาถึงสวน Shodoshima Olive Park แล้วค่ะ

 

ในสมัยก่อนประเทศญี่ปุ่น จะมีการทดลองปลูกต้นมะกอกใน 3 เกาะทั่วญี่ปุ่น แต่ต้นมะกอกทั้งหมดที่ทำการทดลองปลูกนั้น มาเจริญเติบโตมากที่สุดที่เกาะโชโดะแห่งนี้ค่ะ ต้นมะกอกที่เริ่มปลูกบนเกาะนี้ เริ่มปลูกขึ้นในปี 1908 ปัจจุบันนี้ปลูกมาร้อยกว่าปีแล้วค่ะ

   

ในสวนแห่งนี้จะมีร้านขายผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากมะกอก วางขายอยู่ มีผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบ มีโชยุผสมกับน้ำมันมะกอก เส้นโซบะ เครื่องสำอางค์ ขนม ช็อคโกแลต ซอฟไอศครีมที่มีส่วนผสมของใบมะกอกผสมอยู่ด้วย นับเป็นผลิตภัณฑ์ที่มี่มีมะกอกเป็นส่วนผสมทั้งสิ้น อย่างที่เรารู้กันอยู่แล้วว่า ที่ญี่ปุ่นจะดึงของที่มีชื่อเสียงของท้องถิ่น มาทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ และเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นนั่นๆ เสนอออกมาได้อย่างดีเยี่ยม

 

วันนี้ติ๊กพามาท่องเที่ยว โรงงานโชยุ และสวนมะกอก ที่มีชื่อเสียงของเกาะนี้กันแล้ว คราวหน้า มาติดตามกันนะคะ ว่าติ๊กจะพาไปท่องเที่ยวที่ไหนกันต่อ อย่าลืมติดตามกันนะค่ะ