ติ๊กพาชิมชิวช้อปที่คาโกชิมะ

วันนี้ติ๊กจะพาไปเที่ยวกันต่อที่ภูมิภาคคิวชูค่ะ และในวันนี้ติ๊กจะพานั่งรถไฟจากจังหวัดซากะ (Saga) ไปยังจังหวัดคาโกชิมะ (Kagoshima) เพื่อไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ กันค่ะ

 

ติ๊กพามาขึ้นรถไฟที่สถานีทาเคโอะ ออนเซ็น (Takeo Onsen)

 

เพื่อที่จะนั่งรถไฟขบวน มิโดริ (Midori No.10) ไปลงที่สถานีชินโตสุ (Shintosu) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที

 

จากสถานีชินโตสุ (Shintosu) เราจะไปขึ้นรถไฟชินกันเซ็น (Shinkansen) กันต่อ เมื่อซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้ว เราก็ไปรอขึ้นรถไฟฝั่งที่เขียนว่า คาโกชิมะ ชูโอ (Kagoshima chuo)

 

ขึ้นรถไฟชินกันเซ็นดูในตั๋วด้วยนะค่ะว่าเราอยู่โบกี้ไหน เราจะได้ไปยืนรอให้ตรงกับโบกี้ของเรา เมื่อขึ้นตรงโบกี้เราจะได้หาที่นั่งได้อย่างสะดวก ติ๊กได้โบกี้ที่ 8 ไปยืนรอที่ช่องเลข 8 ค่ะ แต่ไม่ต้องกังวลนะค่ะถ้าขึ้นไม่ตรงโบกี้ ก็สามารถเดินข้ามโบกี้ไปยังโบกี้ของตัวเองได้เช่นกันค่ะ  เราจะใช้เวลาในการนั่งชินกันเซ็น 1.30 ช.ม ค่ะ

 

เรามาถึงสถานีคาโกชิมะ ชูโอ (Kagoshima chuo) จังหวัดคาโกชิมะ (Kagoshima) เรียบร้อยแล้วค่ะ

 

สถานที่แรกที่ติ๊กจะพาไปเที่ยวที่จังหวัดคาโกชิมะ คือ สวนเซนกันเอน (Senganen) สวนนี้มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมากๆ และก็เดินทางง่ายด้วยค่ะ นั่งรถบัสแป็บเดียวก็ถึงแล้วค่ะ

 

หน้าสถานีคาโกชิมะ ชูโอ แห่งนี้ มีชุมทางของรถแท็กซี่ รถบัส รถราง ให้เราเลือกเดินทางไปท่องเที่ยวกันได้อย่างสะดวกสบายเลยค่ะ

 

เดี๋ยวติ๊กจะพาไปขึ้นรถบัส เพื่อไปยังสวนเซนกันเอน กันเลยค่ะ เราจะขึ้นรถบัสสาย 10 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที ค่าโดยสารคนล่ะ 190 เยน ค่ะ

 

นั่งรถแป็บเดียวก็ถึง สวนเซนกันเอน (Sengan-en) สวนนี้อยู่บริเวณชายฝั่งด้านเหนือของตัวเมืองคาโกชิมะค่ะ 

 

ที่สวนนี้ไม่แค่มีวิวทิวทัศน์ที่สวยๆ เท่านั้น ยังมีอะไรที่น่าสนใจอีกหลายอย่างอยู่ด้านใน รีบเข้าไปดีกว่าค่ะ อยากรู้แล้วค่ะ ว่าจะมีอะไรน่าสนใจบ้างตามติ๊กมาเลยค่ะ

 

สวนเซนกันเอน (Sengan-en) เป็นสวนสไตล์ของยุคเอโดะ สร้างขึ้นเมื่อปี 1658 ปัจจุบันอายุกว่า 350 ปีแล้วค่ะ

 

ค่าเข้าชมสวนนี้ ถ้าเข้าชมสวนและพิพิธภัณฑ์ ผู้ใหญ่ 1,000 เยน เด็ก 500 เยน แต่ถ้าเข้าชมสวนพิพิธภัณฑ์ และบ้านขุนนาง ผู้ใหญ่ 1,600 เยน เด็ก 800 เยนเลือกซื้อตั๋วกันได้เลย ว่าจะเข้าชมแบบไหน ในวันนี้ ติ๊กจะพาเข้าชมทั้ง 3 ที่เลยค่ะ

 

เราเดินเข้ามาด้านในสวน จะเจอกับปืนใหญ่ตั้งเด่นอยู่เลยค่ะ ปืนใหญ่นี้เป็นอาวุธที่มีอานุภาพที่สุดในยุคปลายสมัยเอโดะ ลูกกระสุนที่ใช้กับปืนใหญ่นี้ มีน้ำหนัก 150 ปอนด์ หรือ 70 กโลกรัม เลยทีเดียว วิถีการยิงไกลถึง 3 กิโลเมตรเลยล่ะค่ะ

 

เราเดินขึ้นมาเรื่อย ขึ้นมาเราสามารถมองเห็นวิวของสวน ที่ขนานกับบริเวณริมอ่าว เราจะเห็นวิวของอ่าวคาโกชิมะ (Kagoshima Bay) และวิวด้านหลังเป็นภูเขาไฟซากุระจิมะ (Sakurajima) ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ยังมีการคุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา ช่างเป็นวิวที่สวยงามจริงๆ

 

ก่อนที่เราจะเดินไปชมสวนกันต่อ ก็ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว เดี๋ยวติ๊กจะแวะที่ร้าน Shofuken เพื่อเติมพลังกันก่อนค่ะ

 

วันนี้ติ๊กจะพามาชิม เคฮัน (Keihan) เป็นเบนโตะ ชนิดหนึ่ง มีข้าวและซุปเป็นหม้อๆ ชุดเคฮันนี้เป็นชุดอาหารที่เพิ่มพลังได้เต็มที่เลยในชุดประกอบด้วย ข้าวสวย เครื่องเคียงต่างๆ ให้เราใช้คลุกกับข้าวสวยร้อนๆ

 

ส่วนในกล่องเบนโตะ จะมีของทอด ของต้ม จัดไว้ตามสไตล์ญี่ปุ่นเลยค่ะ

 

และยังมีชาบูคุโรบุตะร้อนๆ และซุปใสไก่อีกด้วยค่ะ 

 

มาเดินเที่ยวสวนแบบนี้ได้อาหารแบบเคฮัน ทำให้อิ่มท้องแถมกระปรี้กระเปร่าอีกด้วยค่ะ

เคฮัน หรือข้าวที่ท็อปด้วยเครื่องเคียงต่างๆ ที่เตรียมไว้ในจาน เราจะนำเครื่องเคียงทั้งหมด มาวางบนข้าว มีเนื้อไก่ฉีก หอมซอย คังเปียว จะคล้ายๆ ไชโป๋หวานบ้านเราค่ะ หั่นฝอยๆ

 

ไข่หั่นฝอย และเห็ดหอมต้มซีอิ๊ว หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ และโรยสาหร่ายไว้ด้านบน วางเครื่องเคียงทั้งหมดไว้แบบนี้ก็ทานได้แล้วค่ะ

 

ใครจะทานแบบแห้งๆ นี้ก็ทานได้เลยค่ะ แต่ของที่นี่จะใช้น้ำซุปใสไก่เติมลงไป คล้ายๆ ข้าวต้มค่ะ แล้วคลุกเคล้าทานค่ะ

 

เรามาชิมกันเลยค่ะ คลุกเคล้าเรียบร้อยก็ทานได้เลยค่ะ แต่ระวังหน่อยนะค่ะ เพราะร้อน

 

ข้าวนุ่มผสมกับเครื่องเคียง หอมอร่อย ได้ความหวานจากไชโป๋ และความเค็มนิดๆ จากเห็ด เนื้อไก่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำซุป รสชาติเข้ากันมากๆ ค่ะ

 

ชาบูหมู ของเราสุกได้ที่แล้ว ในหม้อชาบูนี้จะมีผักต้มในน้ำซุป แล้วเนื้อหมูโปะหน้า

 

ทานกับน้ำจิ้มโกมะ เข้ากัน เข้ากันค่ะ เนื้อหมูนุ่ม น้ำซุปเข้มข้นเติมน้ำจิ้มโกมะเข้าไป เพิ่มรสชาติ อร่อยยิ่งขึ้นค่ะ

 

อาหารเคฮันเซ็ทนี้ เป็นอาหารดั้งเดิมของเกาะอามามิโอชิมะ มีมากว่า 400 ปีแล้วค่ะ ถ้าใครอยากลองมาทาน ต้องมาทานที่จังหวัดคาโกชิมะ ค่ะ จะได้ทานกันแบบออริจินัล แบบนี้เลยค่ะ

คุโรบูตะ ของจังหวัดคาโกชิมะ นี้ขึ้นชื่อมากๆ ด้วยนะค่ะ ในเมนูต่างๆ จะมีหมูมาเสริฟด้วยค่ะ

 

เดี๋ยวเราทานอาหารเสร็จแล้ว เราไปเดินชมสวนกันต่อค่ะ เดินเข้ามาเรื่อยๆ ถึงกลางสวนจะเจอกับศาลเจ้าแมว ใครมีแมวให้มาไหว้ที่ศาลเจ้านี้ และมาขอพรกันได้ค่ะ

 

ศาลเจ้าแมว (Cat Shrine) มีเรื่องเล่าว่า เจ้าของที่แห่งนี้ ชื่อว่า โยชิฮิโระ ชิมัตสึ เวลาจะออกรบ จะสังเกตุลูกตาของแมว

 

เพื่อเป็นการบอกเวลาในสมัยนั้น ดวงตากลมโตของแมว จะบอกช่วงเวลา 6 โมงเช้า พอ 8 โมง ตาแมวก็จะค่อยๆ หรี่เล็กลง เรื่อยๆ และจะตาโตกลมอีกครั้งในช่วงเย็น ซึ่งในสมัยนั้นจะใช้วิธีการดูลูกตาแมวเพื่อเป็นการบอกเวลาในการออกรบ

 

เดินมาเรื่อยๆ จะเจอกับร้านขายของที่ระลึก ซึ่งที่นี่จะขายเครื่องแก้วของซัตสึมะ ซึ่งเป็นแก้วที่ขึ้นชื่อของที่นี่

 

ร้าน ซัตสึมะ คิริโกะ (Satsuma Kiriko) เป็นร้านที่ขายเครื่องแก้ว และโชว์เครื่องแก้วที่ประณีตสวยงาม

 

ด้านในร้าน จะมีเครื่องแก้วที่ขึ้นชื่อของซัตสึมะ (Satsuma) จ.คาโกชิมะ

 

เครื่องแก้ว สวยงามมาก มีหลากหลายแบบ

 

แต่ละแบบ ก็มีราคาแพงค่ะ  เราเดินดูเฉยๆ แล้วกันนะค่ะ ดูเสร็จแล้ว เราไปเดินเที่ยวกันต่อดีกว่าค่ะ

 

ตอนนี้เราเดินมาอยู่ในส่วนของ อิโซะ เรสซิเด้นท์ หรือ อิโซะ การ์เด้น (Iso Residence) เป็นบ้านเก่าของตระกูลขุนนาง ชิมัตสึ นั่นเองค่ะ

 

จุดนี้เป็นอีกจุดหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของสวนแห่งนี้ค่ะ ไลอ้อน สโตน แลนเทริน (Lion Stone Lantern) หรือตะเกียงสิงโตค่ะ

 

ด้านบนจะมีสิงโต คว่ำหน้าลง ตัวหางและก้นชี้ฟ้า

 

ตรงกลางเป็นที่สำหรับไว้จุดเทียนนั่นเองค่ะ เป็นตะเกียงขนาดใหญ่มากๆ ค่ะ

 

จากจุดนี้เราจะเห็นหินแกะสลักตัวอักษรที่หน้าผา ที่ขุนนางชิมัตสึให้คนขึ้นไปแกะสลัก โดยใช้คนถึง 3,000 คน ทำไมต้องใช้คนมากขนาดนี้ แพราะว่าให้คนช่วยกันสร้างนั่งร้าน เพื่อปีนขึ้นไปแกะสลักตัวอักษรบนหน้าผาตรงนั้นนั่นเองค่ะ

 

หินที่แกะสลักนี้ มีความหมายว่า หินนี้มีขนาดกว้างใหญ่ ใช้คน 1,000 คนยืนเรียงต่อๆ กัน นั่นเองค่ะ แหม่แค่ชื่อยังยิ่งใหญ่ขนาดนี้เลยค่ะ ซึ่งในสมัยก่อน มักจะตั้งชื่อให้ดูยิ่งใหญ่กว่าของจริงค่ะ

 

และในบริเวณนี้ เป็นสวนของ อิโซะ การ์เด้น เป็นสวนสไตล์ยุคเอโดะ เราสามารมองเห็นอ่าวคาโกชิมะ (Kagoshima Bay) ด้านหลัง และซ้อนด้วยภูเขาไฟซากุระจิมะ ( Sakurajima) เรียกได้ว่าเป็นวิวที่สวยอีกแห่งของสวนเซนกันเอน

 

สวนในบริเวณนี้ เป็นที่ตั้งของบ้านตระกูลชิมัตสึ (Shimazu) เป็นตระกูลขุนนางเก่า ถูกปลูกสร้างขึ้นมาพร้อมกับสวนแห่งนี้

 

ที่เห็นอยู่หลังนี้ ถูกสร้างขึ้นมาในปี 1880 ทุกอย่างคงเดิม เหมือนเดิม ลักษณะบ้านเหมือนเดิมทุกอย่าง ด้านในห้องต่างๆ ก็ยังเหมือนเดิมเช่นกันค่ะ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสวนที่มีวิวที่สวยงาม และมีเรื่องราวที่น่าสนใจมากทีเดียวค่ะ

 

ตอนนี้ติ๊กพาเข้ามาชมภายในตัวบ้านอิโซะ เรสซิเด้นท์ บริเวณนี้เป็นส่วนชงชา ตัวบ้านเดิมมีอายุกว่า 250 ปี แต่หลังที่เราเข้ามาชมอยู่นี้ เป็นบ้านที่สร้างขึ้นมาใหม่ มีอายุกว่า 100 ปีแล้วค่ะ

 

ค่าเข้าชมบ้านนี้ 600 เยน จะมีไกด์มาบรรยายบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ภายในบ้านหลังนี้ค่ะ ในบ้านจะแบ่งเป็นห้องต่างๆ มีห้องรับรอง ห้องรับแขก

 

ห้องนอนของขุนนางชิมัตสึ ห้องอาหารสไตล์ตะวันตก

 

ด้านบนมีดคมไฟที่สั่งมาจากประเทศอังกฤษในสมัยนั้น ที่นี่เป็นที่แรกๆ ที่ใช้ไฟฟ้าในสมัยก่อนยุคศตวรรษที่ 18 ใช้ไฟฟ้าจากพลังงานน้ำด้วยค่ะ

 

ห้องนี้ค่ะ เป็นห้องที่ใช้สำหรับดื่มชา  ในห้องนี้จะมีขนมและน้ำชาให้ดื่ม ก่อนออกจากห้องนี้ ขนมและน้ำชา จะรวมอยู่ในราคาค่าเข้าชมแล้วค่ะ

 

ขนมที่นี่จะเป็นขนมที่มีเฉพาะที่สวนแห่งนี้เท่านั้นค่ะ เรามาดื่มชากันค่ะ ก่อนดื่มชา เราจะต้องทานขนมก่อนนะค่ะ เมื่อเกิดความหวานในคอแล้ว เราค่อยดื่มชาค่ะ

 

ขนมจะคล้ายๆ กับขนมลูกเต๋าของสุพรรณค่ะ ทานแล้วรู้สึกหวานแสบคอ แล้วก็ดื่มชาตามค่ะ

 

เวลาดื่มชา อย่ายกขึ้นมาดื่มเลยนะค่ะ วางบนมือนิดนึง แล้วหมุนเสพบรรยากาศของถ้วยชาสักเล็กน้อย

 

จากนั้นค่อยดื่มค่ะ ดื่มพร้อมดื่มด่ำกับธรรมชาติ

 

ห้องชาส่วนใหญ่ จะเป็นห้องที่มีวิวด้านหน้าที่สวยงาม และห้องนี้เป็นอีกหนึ่งห้องที่ขุนนางชิมัตสึเลือกไว้สำหรับดื่มชา พร้อมกับบรรยากาศสวนขนาดย่อมที่สวยงาม งั้นเราเสพไปพร้อมกันเลยค่ะ

 

ดื่มชาทานขนมกันเสร็จแล้ว รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันทีเลยค่ะ คราวหน้าติ๊กจะพาไปเที่ยวที่ไหนกันต่อ มาติดตามกันนะค่ะ