ติ๊กพาเที่ยวเกาะซารุชิมะ ชมเรือรบ Mikasa ชิมแกงกระหรี่รสเด็ด

ตะลุยทุกที่ ตะลุยทุกแห่ง ตะลุยทุกเรื่องราว ไปกับรายการ say hi ค่ะ วันนี้ติ๊กพามาท่องเที่ยวที่เมืองโยโกสุกะ (Yokosuka) ของ จ.คานากาว่า (Kanagawa) นั่นเองค่ะ

เมืองโยโกสุกะ หลายๆ คนคงไม่คุ้นเคย ชื่อเมืองนี้สักเท่าไหร่ เมืองนี้เป็นเมืองท่าริมทะเล อยู่ในบริเวณของ Tokyo Bay ทางใต้ของโตเกียว ระยะทางจากโตเกียว มาโยโกสุกะ ประมาณ 70 ก.ม.ค่ะ ถ้าขับรถมาประมาณ 1.30 ช.ม ค่ะ หรือถ้าใครมาลงที่สนามบินฮาเนดะ ก็นั่งรถไฟมาท่องเที่ยวเมืองโยโกสุกะ โดยนั่งรถไฟสาย K Q Line

เมืองโยโกสุกะ เป็นเมืองท่าที่มีสถานท่องเที่ยวดีๆ เด็ดๆ อยู่หลายที่ น่าเที่ยวมากๆ เลยค่ะ เดี๋ยวติ๊กจะพาไปเที่ยวที่ไหนกันบ้างตามติ๊กมานะค่ะ  เราไปเที่ยวสถานที่แรกกันก่อนเลยค่ะ

โดยเราจะขึ้นเรือเฟอร์รี่ ที่ท่าเรือ มิกาซะ (Mikasa)เพื่อมุ่งหน้าสู่ซารุชิมะ (Sarushima) หรือ Monkey Island นั่นเองค่ะ

 

saru แปลว่า ลิง shima แปลว่า เกาะ

เกาะนี้เป็นเกาะเดียวที่อยู่ในบริเวณ Tokyo Bay และเป็นเกาะที่มีตำนานเรื่องราวสืบต่อกันมาว่า มีนักบวชชื่อ นิชิริน (Nichiren) ล่องเรือแล้วเกิดหลงทาง เห็นลิงสีขาวตัวใหญ่ปรากฎตัวขึ้นที่เกาะ แล้วชี้บอกทางให้ขึ้นฝั่ง จึงตั้งชื่อเกาะนี้ว่า Sarushima ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

เราจะนั่งเรือเฟอร์รี่ข้ามไปที่เกาะ Sarushima ประมาณ 15 นาที ราคาค่าขึ้นเรือ สำหรับผู้ใหญ่ 1,300 เยน และอีก 200 เยน เป็นค่าเข้าชมเกาะค่ะ ได้ตั๋วแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปที่เกาะ Sarushimaกันเลยค่ะ นั่งเรือแปบเดียวก็ถึงเกาะแล้วค่ะ

 

เกาะ Sarushima เป็นเกาะที่เราจะเที่ยวกันแบบ One day trip ค่ะ เพราะบนเกาะนี้ไม่มีที่พัก บนเกาะจะมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อน คนในเมืองจะนิยมมาเล่นน้ำ บริเวณชายหาด มาปิคนิค มาปิ้งบาร์บีคิว ถ้ามาเที่ยวแล้วอยากปิ้งบาร์บีคิว ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ เค้ามีที่ให้เช่าอุปกรณ์ในการย่างบาร์บีคิว รวมทั้งมีอาหารทะเลสดๆ ไว้ขายด้วยค่ะ

เราไปป้อมปราการ ที่เป็นไฮไลท์ของเกาะนี้กันดีกว่าค่ะ ป้อมปราการ สร้างขึ้นในสมัยโชกุน Tokugawa ประมาณกลางศษวรรษที่ 18 ระหว่างทางที่เราเดินไปยังป้อมปราการ จะเป็นทางที่สวยงามเหมือนอุโมงค์ต้นไม้ เป็นธรรมชาติมากๆ ค่ะ

   

เดินตามทางมาเรื่อยๆ ก็ถึงป้อมปราการแล้วค่ะ ในสมัยก่อน บริเวณนี้ คือ จุดยุทธศาสตร์สำคัญ เพราะเป็นเกาะเพียงแห่งเดียวที่อยู่ใน Tokyo Bay ในสมัยนั้นได้มีการตั้งปืนใหญ่ไว้ที่บริเวณนี้ เพื่อใช้ป้องกันข้าศึกที่จะบุกรุกเมืองโตเกียวค่ะ แต่ปัจจุบันบริเวณนี้กลายเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นวิว Tokyo Bay ได้อย่างสวยงามเลยล่ะค่ะ

 

มาเที่ยวป้อมปราการกันแล้ว ที่ต่อไปที่ติ๊กจะพาไปดูเรือรบ Mikasa กันค่ะ เราขึ้นเรือเฟอร์รี่กลับไปที่ฝั่งกันเลยค่ะ

จากท่าเรือ Mikasa เดินมานิดเดียวก็จะถึง Mikasa Park ค่ะ สวนมิกาสะแห่งนี้ เป็นที่ตั้งของ Memorial Ship  Mikasa เป็นเรือประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นค่ะ และมีรูปปั้นของ พลเรือเอก โทโกะ (Togo) เป็นผู้บัญชาการเรือรบ Mikasa ที่สู้รบกับเรือรบรัสเซีย แล้วได้รับชัยชนะกลับมา เมื่อปี ค.ศ.1904 – 1905 หรือ 100 กว่าปีมาแล้วค่ะ ปัจจุบันเรือรบ Mikasa ได้ใช้เป็นพิพิธภัณฑ์บอกเล่าเรื่องราวสำคัญๆ ในอดีตที่น่าสนใจมากๆ ค่ะ

 

ค่าเข้าชมเรือรบ Mikasa ราคา 600 เยน ค่ะ ได้ตั๋วแล้วเราเข้าไปดูด้านในของเรือกันเลยค่ะ เรามาเริ่มตั้งแต่หัวเรือกันเลยค่ะ บนหัวเรือจะมีธงชาติญี่ปุ่น ด้านหน้าเรือจะมีดอกเบญมาศ หัวเรือจะหันไปทางทิศเหนือหันไปทางพระราชวังค่ะ เมื่อเรายืนอยู่ตรงนี้ จะเห็น Tokyo Bay  และเกาะ Sarushima ได้อีกด้วยค่ะ

 

เมื่อเราหันกลับเข้าสู่ลำเรือ จะเห็นปืนใหญ่ ซึ่งมีอนุภาคการยิงได้ไกลถึง 10 ก.ม ค่ะ มีทั้งคู่หน้าและคู่หลังค่ะ

 

เราเข้าไปดูด้านในเรือกันบ้างค่ะว่ามีอะไรบ้าง เมื่อเข้ามาเห็นห้องบังคับการเรือ ที่สวยงามมากค่ะ ในสมัยก่อนจะใช้ทองเหลืองเป็นวัสดุในการสร้างค่ะ สวยงามจริงๆ ค่ะ กลายเป็นของคลาสสิค วินเทจมากๆ ค่ะ

 

ภายในเรือ จะมีห้องสั่งการรบของผู้บังคับบัญชา ซึ่งมีการสร้างอย่างแข็งแรงมากๆ กันกระสุน ความหนาของเหล็ก 35 ซ.ม แต่พลเรือเอกโทโกะ ยืนสั่งการรบอยู่บนหัวเรือรบเป็นเวลานานถึง 7 ช.ม และได้รับชัยชนะกลับมา น่าทึ่งมากๆ เลยค่ะ

 

บริเวณเรือรบชั้น 2 จะมีปืนขนาด 3 นิ้ว อยู่รอบๆ เรืออีกด้วยค่ะ

 

มีห้องจำลองวิธีการใส่กระสุนของเหล่าทหาร ปืนใหญ่ 1 กระบอก จะใช้คนประมาณ 10 คน และจะมีการลำเลียงลูกกระสุนจากคลังด้านล่างลำเรือ ส่งเข้าปืนใหญ่ และจะมีคนคอยสั่งการยิงอีก 1 คนค่ะ ซึ่งเป็นวิถีชีวิตของทหารเรือในการออกรบค่ะ

 

ถ้าเป็นพลทหารที่ไม่มีสัญญาบัตร ทำงานในจุดไหนจะต้องนอนที่จุดนั้นๆ จะไม่มีห้องนอนให้ค่ะ และจะมีเปลผูกไว้ให้นอน

ด้านล่างของเรือรบ Mikasa จะเป็นพิพิธภัณฑ์ มีแบบจำลองเรือรบ เรือดำน้ำ เครื่องบิน ขนาดต่างๆ ไว้มากมาย และยังมีห้องต่างๆ มีห้องประชุม ห้องพักผ่อน ห้องรับรองต่างๆ

 

ในพิพิธภัณฑ์ของเรือลำนี้ ได้เล่าเรื่องราวต่างๆ ไว้อย่างมากมาย ที่เกี่ยวข้องกับเรือลำนี้ทุกๆ อย่าง มาเที่ยวเรือรบแบบนี้แล้ว ได้ทั้งความรู้เกี่ยวกับเรือรบและประวัติศาสตร์ของสงครามรัสเซียกับญี่ปุ่นกันแล้ว

เริ่มหิวแล้วค่ะ เดี๋ยวติ๊กจะพาไปทานอาหารจานเด็ดของเมืองโยโกสุกะ กันค่ะ ข้าวแกงกระหรี่นั่นเองค่ะ ไม่ใช่ข้าวแกงกระหรี่สูตรธรรมดานะค่ะ เค้าเรียกว่า Yokosuka Navy Curry หรือ ข้าวแกงกระหรี่กองทัพเรือโยโกสุกะ เอ๊ะ จะเป็นยังไง เราไปหาคำตอบกันค่ะ

ตอนนี้ติ๊กอยู่หน้าร้าน Shell ซึ่งเป็นร้านที่เราจะมาชิมข้าวแกงกระหรี่กันค่ะ ภายในร้านจะแบ่งเป็น 2 ชั้น ชั้นแรกจะเป็นร้านขายของที่ระลึก และชั้นที่ 2 จะเป็นร้านอาหารค่ะ เราขึ้นไปที่ชึ้น 2 เลย

 

ร้านนี้ตกแต่งได้คลาสสิคมากค่ะ เหมือนเรานั่งทานอาหารอยู่ในห้องอาหารของเรือรบเลยค่ะ ว้าว ! ข้าวแกงกระหรี่มาแล้วค่ะ หอมน่าทานมากค่ะ ข้าวแกงกระหรี่ของที่นี่ จะเสริฟพร้อมกับผักสดและนมสดค่ะ

 

ข้าวแกงกระหรี่สูตรกองทัพเรือโยโกสุกะ หรือ Yokosuka Navy Curry เป็นสูตรดั้งเดิมของเมืองนี้ค่ะ มีมาตั้งแต่สมัยยุคเมจิ (1868 – 1912) แกงกระหรี่ถูกแนะนำโดยทหารอังกฤษ ซึ่งมีสูตรมาจากอินเดีย ในสมัยนั้นอินเดียเป็นเมืองขึ้นของอังอังกฤษ

 

แกงกระหรี่ถูกแนะนำให้กับทางกองทัพเรือของญี่ปุ่น จากนั้นก็ถูกจัดเป็นเมนูในกองทัพ และแพร่หลายไปยังเมืองต่างๆ จนทั่วญี่ปุ่นเลยล่ะค่ะ และได้มีการคิดค้นสูตรแกงกะหรี่ไว้หลายสูตรจนถึงปัจจุบันนี้เลยค่ะ ข้าวแกงกระหรี่สูตรนี้ จะเป็นการผสมผสานระหว่างความเป็นญี่ปุ่นและอเมริกันผสมกันค่ะ

มาท่องเที่ยวที่เมืองโยโกสุกะ แล้วต้องมาชิมข้าวแกงกระหรี่สูตรกองทัพเรือกันนะค่ะ รับรองเลยค่ะ ว่าอร่อยๆ จนต้องอยากซื้อกลับบ้านกันเลยล่ะค่ะ คราวหน้า ติ๊กจะพาไปท่องเที่ยวที่ไหนต่อ มาติดตามกันนะค่ะ