ติ๊กพาชิมอาหารขึ้นชื่อของ จ.คาโกชิมะ

วันนี้เราจะไปเที่ยวกันต่อที่ภูมิภาคคิวชู ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น ตอนนี้เราอยู่ที่เกาะคามิโกชิกิ (Kami Koshiki Island) ของ จ.คาโกชิมะ (Kagoshima) นั่นเองค่ะ

   

วันนี้ติ๊กจะพาไปทานปิ้งย่าง อาหารทะเลชุดใหญ่อลังการ กันค่ะ ระหว่างทางที่เราจะไปที่ร้าน ติ๊กเดินผ่านหมู่บ้านชาวประมง เป็นหมู่บ้านที่สะอาดสะอ้าน และน่ารักทีเดียวค่ะ เดินไม่ไกลจากหมู่บ้านก็ถึงร้านปิ้งย่างแล้วค่ะ

 

ถึงแล้วค่ะ ร้าน Kaisei Maru ร้านอาหารทะเลสดๆ ที่ขึ้นจากท่าปุ๊บ ก็มาส่งที่ร้านเลยทันที ถึงทำให้อาหารทะเลของร้านนี้สดมากๆ เลยค่ะ เราเข้าไปด้านในกันค่ะ เป็นร้านที่ตกแต่งน่ารักและสะอาดสะอ้าน เราไปนั่งที่โต๊ะกันเลยค่ะ

 

อุปกรณ์พร้อม ถุงมือพร้อม ที่คีบพร้อม ตะเกียบก็พร้อมแล้วค่ะ ในแต่ละเซ็ท จะมีปลาที่ขึ้นชื่อของทะเลนี้มาบริการค่ะ ที่แน่ๆ ราคาเป็นมิตรด้วยค่ะ

 

ราคาแต่ละเซ็ทไม่แพงเลยค่ะ อย่างเซ็ทนี้ยิ่งใหญ่อลังการ แค่ 1,600 เยน

 

เซ็ทตรงกลาง 1,500 เยน มีทั้งข้าว ซุป ปลาซาซิมิ

 

หรือจะเป็นแบบด้งก็มีค่ะ ราคา 1,500 เยน

 

ถ้าใครไม่อยากทานเป็นเซ็ท ต่อ 1 ท่าน ก็ทานแบบปิ้งย่างก็ได้ค่ะ ถาดนี้สำหรับ 4 คน คนละ 1,500 เยน อาหารนี้เต็มมากค่ะ

 

มีปลาไท เป็นเนื้อปลากะพงชนิดหนี่ง แล่แบบนำมาย่าง และมีแล่แบบซาซิมิ

 

มีกุ้งทาคาเอบิ ปลาคิบินาโกะ ซึ่งเป็นปลาไฮไลท์ของเกาะคามิโกชิกิ แห่งนี้ค่ะ

 

หอยทาคาชิ หอยมิวะ

 

อาหารที่นี่มีหลากหลายเซ็ทเมนู หลากหลายรูปแบบ ที่สำคัญคือ สด และราคาย่อมเยาว์ ด้วยค่ะ

เตาย่างเราเริ่มร้อนแล้ว เรามาปิ้งกันเลยค่ะ

    

เราชิมปลาคิบินาโกะ ก่อนเลยเพราะสุกก่อน ตอนที่ย่างติ๊กโรยเกลือ และพริกไทยลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติด้วยค่ะ

 

กัดเข้าไปทานได้ทั้งกระดูกเลย เพราะเป็นปลาที่กระดูกนิ่มค่ะ ทานได้ทั้งตัว เนื้อปลาสดหวาน กลิ่นหอมเหมือนปลาทูย่าง อร่อยทีเดียวค่ะ

 

ชิมกุ้งทาคาเอบิ ซึ่งเป็นกุ้งเปลือกกรอบ เมื่อนำไปย่างยิ่งทำให้เปลือกกรอบมากขึ้น เนื้อกุ้งหวานมากๆ ไม่ต้องจิ้มซอสอะไรเลย ก็อร่อยแล้วล่ะค่ะ

 

มาชิมหอยทาคาชิ ตอนที่ย่างติ๊กเติมซอสลงไปนิดหน่อย เพื่อเพิ่มรสชาติให้อร่อยมากยิ่งขึ้นค่ะ

 

เป็นอาหารทะเลที่สดและอร่อยมากๆ เลยทีเดียวค่ะ

 

มาเที่ยวที่เกาะคามิโกชิกิ แล้วลองแวะมาชิมอาหารทะเลสดๆ กันที่ร้าน Kaisei Maru นะคะ รับรองเลยค่ะว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

 

ติ๊กแนะนำเลยนะคะ ถ้าจะมาท่องเที่ยวที่เกาะคามิโกชิกิ นั่งรถไฟมาลงที่ จ.คาโกชิมะ นั่งเรือเฟอร์รี่จากท่าเรือคูชิคิโนะ (Kushikino Port) มาลงที่ท่าเรือซาโตะ (Sato Port) บนเกาะคามิโกชิกิ (Kami Koshiki Island) เมื่อมาถึงท่าเรือซาโตะแล้ว ก็สอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวเพิ่มเติมได้ที่ท่าเรือ ก็จะสามารถท่องเที่ยวได้แบบติ๊กเลยค่ะ

 

ติ๊กเอาใจคนที่ชอบทานอาหารทะเลกันไปแล้ว ตอนนี้ติ๊กจะมาเอาใจคนที่ชอบทานหมูกันบ้างค่ะ ไม่ใช่แค่หมูธรรมดานะคะ  แต่เป็นคุโรบูตะ หมูดำของ จ.คาโกชิมะ เลยค่ะ

ตอนนี้ติ๊กกลับมาที่ท่าเรือซาโตะ เพื่อมุ่งหน้ากลับไปที่ จ.คาโกชิมะ

  

เรือมาจอดเทียบท่าแล้ว เราไปลงเรือกันค่ะ

 

เรือลำนี้ตกแต่งไว้อย่างน่ารักทีเดียวค่ะ มีทั้งโซนโซฟา หรือจะนั่งแบบโซฟาตัวแอล มีโต๊ะประชุมด้วย เป็นเรือสปิดโบ๊ท นั่งแป๊บเดียวก็ถึง จ.คาโกชิมะ แล้วค่ะ

 

เราจะนั่งรถจากท่าเรือซาโตะ เข้ามาในตัวเมืองคาโกชิมะ 1 ชั่วโมงค่ะ เพื่อที่จะมาทานอาหารปิ้งย่างสไตล์บาร์บีคิว ที่ใช้หมูคุโรบูตะ (Kurobuta) กันค่ะ

 

ร้านแฟมิลี่ อัน ฮาอิคารา เตะ (Family an Haikara Tei) เป็นร้านบาร์บีคิว มีทั้งปู และคุโรบูตะ

 

แต่ที่แน่ๆ กลิ่นหอมออกมาถึงด้านนอกเลยค่ะ เพราะฉะนั้นเราเข้าไปในร้านกันเลยค่ะ กิ่นหอมโชยมาขนาดนี้ ไปเลยค่ะ

 

โอ้โห้ ! อลังการงานสร้างมากค่ะ เรื่องหมูๆ แบบนี้ติ๊กชอบค่ะ  จัดกันไป มาแบบทุกส่วนของหมูเลยค่ะ

 

เรามาไล่กันทีละส่วน ตั้งแต่ท้ายเรือขึ้นไปเลยค่ะ มีตับ (Berkshire pig liver) ลิ้นหมู (Berkshire pig tongue)

 

ซี่โครงหมู (Berkshire pig ribs) หมูสันนอก (Berkshire pig rose)

 

หมูสันใน (Berkshire pig fillet) ขมับหมู (Berkshire pig temple)

  

หัวใจหมู (Berkshire pig heart) และมีไก่ด้วยค่ะ

 

ถ้าไม่พอ ก็มีหมูเซ็ทนี้มาเพิ่มให้ด้วยค่ะ เรียกได้ว่า มื้อนี้เต็มอิ่มจริงๆ เลยละค่ะ

 

ร้านนี้เด็ดที่น้ำจิ้มด้วยนะค่ะ มีน้ำจิ้มให้เลือกจิ้ม 8 ชนิด ใครชอบจิ้มซอสแบบไหน ก็เลือกกันได้ตามใจชอบเลยค่ะ

 

เดี๋ยวติ๊กจะย่างแล้วนะค่ะ ย่างหมูสันนอก และหมูสันใน ซึ่งหมูสันในเป็นส่วนที่ดี และแพงกว่าส่วนอื่นๆ ค่ะ

 

หมูสันนอกสุกแล้ว เรามาชิมเลย จิ้มซอสไหนดี เยอะไปหมดเลย ลองจิ้มกับกูเมะใส่กับวาซาบิดูค่ะ หอมแปลกไปอีกแบบ มีความเปรี้ยวของบ๊วย อร่อยดีค่ะ ลองจิ้มซอสสีแดงใส่โกมะ หรืองาบ้างค่ะ คล้ายซอสเกาหลี อร่อยไม่แพ้กันค่ะ

 

ชิมหมูสันในกันบ้าง ซึ่งเป็นส่วนที่ดี และแพงกว่าส่วนอื่นๆ กลิ่นหอมมากเลยค่ะ เนื้อหมูมีความนุ่มเหนียวหนึบ มีความกรุบกรอบเล็กๆ อร่อยทีเดียวค่ะ

 

ชิมลิ้นหมูบ้าง แค่กลิ่นก็ฟินแล้ว ลิ้นหมูอร่อยดีค่ะ ไม่เหนียว

ติ๊กบอกได้เลยค่ะ ว่าฟินมากๆ ทุกส่วนที่เสริฟมา อร่อยทุกส่วนเลยค่ะ

 

ถ้าใครมาเที่ยวที่ จ.คาโกชิมะ ต้องมาชิมคุโรบูตะ เพราะเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อของ จ.คาโกชิมะ เช่นเดียวกันค่ะ

เราชิมปิ้งย่างหมูคุโรบูตะ เมนูดังของ จ.คาโกชิมะ กันไปแล้ว มาเมนูต่อไปกันเลยดีกว่าค่ะ อันนี้ก็ดังไม่แพ้กันค่ะ หาทานได้เฉพาะในจังหวัดนี้เท่านั้น จะเป็นเมนูอะไร ตามติ๊กไปเลยค่ะ

 

ติ๊กพามาที่ร้านซาร่า (Sara) ร้านขายข้าวแกงกะหรี่ (curry)

 

ทำไหมเราต้องมาชิมข้าวแกงกะหรี่ที่นี่ เค้ามีอะไรเด็ด อะไรดัง เอ! อยากรู้เหมือนกันค่ะ เราเข้าไปในร้านกันเลยค่ะ

ที่ร้านนี้โด่งดังในเรื่องของแกงกะหรี่ ซึ่งเป็นแกงกะหรี่สีดำหมูคุโรบูตะ มีแค่ที่นี่ที่เดียว ใน จ.คาโกชิมะ และในญี่ปุ่นด้วยล่ะค่ะ

 

เพราะฉะนั้นใครอยากทานข้าวแกงกะหรี่สีดำ ต้องมาที่นี่เลยค่ะ ร้าน (Sara curry)

ร้านซาร่า เจ้าของร้านชื่อว่าซาร่า และชอบต้นสาระ เลยใช้รากศัพท์ของต้นสาระ มาเป็นชื่อร้าน แต่ใช้ตัวสะกด Sara ซึ่งจริงๆแล้ว ต้องการจะออกเสียงว่าสาระ และชอบในพุทธศาสนาด้วย

แกงกะหรี่สีดำ จะใช้หมูคุโรบูตะ เป็นหลักในการทำ ส่วนน้ำแกงกะหรี่ที่เป็นสีดำนี้ ใช้ถ่าน ชาร์โคลที่มาจากต้นไผ่ แล้วใส่น้ำมันงามจากงาดำ และเวเนก้าแบล็ค ลงไป ระดับความเผ็ดก็เลือกได้ตามความชอบเลยค่ะ

 

ถ้าใครไม่ทานหมู มีข้าวแกงกะหรี่ไก่ เป็นแกงกะหรี่สีแดง ใช้เนื้อไก่เป็นส่วนประกอบ นำมะเขือเทศมาบดแล้วใส่เวเนก้า เป็นแกงกะหรี่ไก่

  

ถ้าใครไม่ทานทั้งหมูทั้งไก่ แนะนำนี่เลยค่ะ แกงกะหรี่สีเขียว เป็นแกงกะหรี่เต้าหู้ นำเต้าหู้มาทอดกรอบ แล้วราดซอสสีเขียว ซึ่งมาจากชาเขียวและถั่วปากอ้า มาบดรวมกัน เป็นแกงกระหรี่เต้าหู้ ที่น่าทานมากค่ะ

 

ติ๊กเห็นอาหารมีกลิ่นอายความเป็นอินเดียหน่อยๆ อย่างไก่ กับนาน เหมือนสไตล์อินเดีย นำมาจิ้มกับแกงกะกหรี่ หรือทานกับข้าวก็ได้ค่ะ ทางร้านแนะนำว่า ให้ทานควบคู่กันเลยค่ะ

 

เรามาชิมคุโระเคอรี่ กันดีกว่าค่ะ แกงกะหรี่สีดำ ว่ารสชาติจะเป็นยังไง รสชาติเข้มข้น อร่อยดีค่ะ แต่เผ็ดจี๊ดจ๊าดมากๆ ค่ะ เพราะติ๊กสั่งแบบเผ็ดมากมาค่ะ

 

ชิมน้ำแกงกะหรี่เปล่าๆ เผ็ดขึ้นหัวเลยค่ะ ชิมคู่กับข้าวดีกว่าค่ะ อร่อยเข้มข้น เป็นแกงกะหรี่ที่มีรสชาติจัดจ้าน ไม่เลี่ยน อร่อย ติดใจเลยทีเดียวค่ะ เนื้อหมูคุโรบูตะนุ่ม น้ำแกงกะหรี่ซึมเข้าไปในเนื้อหมู เข้ากันมากๆ ค่ะ

 

ชิมแกงกะหรี่ไก่บ้างค่ะ มีความเผ็ด และความหวานหอมจากมะเขือเทศ ทานคู่กับนาน อร่อยเข้ากัน ค่ะ ทานแกงกะหรี่ร้านนี้แล้วยิ้มถูกใจมากๆ ค่ะ

 

ถ้าสั่งแบบเผ็ดมา ทางร้านจะมีนมเย็นมาเสริฟด้วย ส่วนใหญ่ เวลาทานแกงกะหรี่ จะมีนมเย็นมาเสริฟ เพราะช่วยดับความเผ็ดร้อน และอิ่มด้วยค่ะ

 

มาลองชิมแกงกะหรี่เต้าหู้บ้างค่ะ ทานคู่กับเนื้อไก่บ้าง จะได้มีเนื้อไก่ผสมอยู่ด้วย รสชาติของน้ำแกงกะหรี่มีความนุ่มนวล มีผงของถั่วปากอ้ากับชาเขียวที่นำไปบด อร่อยคนละแบบเลยค่ะ

 

ในแต่ละจานมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ถ้าใครชอบรสชาติจัดจ้าน ดุเผ็ดร้อนรุนแรงเข้มข้น ต้องเป็นแกงกะหรี่สีดำ หรือคุโระเคอรี่ รสชาติอร่อยจัดจ้านไม่เหมือนใคร

 

ส่วนถ้าใครชอบความหอมหวานของมะเขือเทศ ลดระดับความเข้มข้นลงมานิด ต้องแกงกะหรี่ไก่

ส่วนถ้าใครชอบความนุ่มนวล เป็นแกงกะหรี่เต้าหู้ จะมีความ Sofe ลงมาค่ะ

 

เลือกระดับดูเลยนะค่ะ ว่าชอบแบบไหน ส่วนติ๊กชอบทั้ง 3 แบบเลยค่ะ แต่ที่ชอบที่สุดคือ แกงกะหรี่สีดำ เพราะเผ็ดจี๊ดจาดเลยค่ะ

 

คราวหน้าติ๊ก จะพาไปทานของหวานอร่อยๆ กันบ้าง รับรองเลยค่ะ ว่าหวานหอม อร่อยสุดๆ เลยค่ะ มาติดตามกันนะค่ะ ว่าจะเป็นของหวานอะไร